วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เกร็ดความรู้ทั่วไป-การสร้างบ้าน


เกร็ดความรู้ทั่วไป-การสร้างบ้าน

      
การตรวจงานก่อสร้างบ้านนั้น ขั้นตอนต่างๆก็ตามขั้นตอนการก่อสร้างเลย แต่การตรวจงานจะเน้นคนละด้าน แต่ไม่ว่าคุณจะเคยสร้างบ้านหรือไม่เคยสร้างมาก่อนก็ตาม การเรียนรู้นั้นไม่ยากเกินไป และก็เป็นเรื่องที่เราจะต้องรู้ด้วย เพราะบ้านของเราเอง ช่างเขาสร้างดี สร้างเก่ง รับผิดชอบดี เราก็โชคดีไป แต่ถ้าใครเจอช่างที่ไม่เก่ง แถมยังมักง่าย ชี้โกง หรือชุ่ย ด้วยแล้วละก้อ ซวยมั่กๆ เพราะโอกาสที่เราจะปลูกบ้านนั้นไม่บ่อย อาจจะครั้งเดียวในชีวิต ถ้าสร้างไม่ดีปัญหาการบำรุงรักษาก็จะตามมาเป็นเงาตามตัวเชียวละ
   
ถ้าใครซื้อบ้านจัดสรรก็อาจจะสบายหน่อย ถ้าเป็นบริษัทใหญ่ เขาจะมีคนดูแลตรวจสอบ เพราะส่วนใหญ่เขาก็ไม่ได้สร้างเอง เขาจ้างผู้รับเหมาย่อยอีกที แต่ถึงอย่างไร เราก็ควรเขาตรวจสอบดูแลอย่างสม่ำเสมอ ดูแบบ ดูหุ่นจำลองแล้วรู้บ้าง ไม่รู้บ้าง ไม่เป็นไร พยายามจินตนาการให้ได้ว่าของจริงจะเป็นอย่างไร แล้วถ้ามีข้อไม่เข้าใจ จะทักท้วง แก้ไข จะได้ปรึกษาเขาก่อนที่จะสร้าง เพราะถ้าสร้างไปแล้ว ไปทุบแก้ไข ปัญหาอื่นๆจะเกิดตามมาอีก เดี๋ยวจะทะเลาะกันไม่เลิก
  

การก่อสร้างและตรวจตามขั้นตอนก่อสร้างจะมีดังนี้

1. การวางผัง

การวางผัง คือการกำหนดวางตัวบ้าน ว่าจะอยู่ที่ตำแหน่งไหน ในที่ดินของเรา ส่วนใหญ่จะกำหนดในแบบแล้วแต่แรก เมื่อตีผังโดยใช้ไม้แบบรอบบริเวณที่จะก่อสร้างแล้วก็จะกำหนดจุดฐานราก และเสาเข็มเพื่อตอกเข็ม บางพื้นที่ดินแข็งๆก็ไม่จำเป็นต้องตอกเข็ม จะทำฐานรากเลย ปัญหาในการวางผัง อาจมีการคลาดเคลื่อน หรือมีอุปสรรคเช่นต้นไม้ใหญ่ สิ่งก่อสร้างเดิมใต้ดิน เป็นต้น

2. การตอกเข็ม

การตอกเข็มปัจจุบันมี 2 อย่างคือเข็มตอก แบบดั้งเดิม และเข็มเจาะ ในกรณีที่พื้นที่จำกัด สถานที่ก่อสร้างอยู่ชิดติดสิ่งก่อสร้างอื่นๆ จะตอกเข็มไม่สะดวก หรือเมื่อตอกลงไปแล้ว จะไปกระทบกระเทือนเขา ทำให้พังเสียหายทะเลาะกันวุ่นวาย หรือบางรายก็ถึงกับฟ้องศาลกันเลยก็มีบ่อย การตรวจดูคือ ตรวจดูเสาเข็มก่อนว่าสภาพดี มีมาตรฐานหรือไม่ ไม่บิดงอ แตกร้าว ไม่ใช่ตอกไปแล้วหักคาที่ การตอกก็มีหลักคือตอกให้ตรง ไม่เอียงซ้ายเอียงขวา ตอกลงไปแล้วแน่นดี ไม่ใช่ตอกปุ๊บหายลงไปในดินปั๊บ นั่นแสดงว่าดินมันอ่อนไป ไม่รับน้ำหนัก เพราะหน้าที่ของเสาเข็ม คือรับน้ำหนักทั้งหมดของตัวบ้าน บ้านจะทรุดไม่ทรุดก็อยู่ตรงนี้แหละ ตอกให้ได้ครบจำนวน หรือถ้าหักก็ต้องตอกเสริมให้ครบตามที่วิศวกรระบุ

3. การทำฐานราก 

ต้องขุดดินออกจากก้นหลุมให้ใหญ่กว่าฐานรากที่จะทำ ถ้ามีน้ำก็ต้องสูบน้ำออกก่อน ระดับความลึกคือวางอยู่บนหัวเสาเข็มพอดี และเททรายและคอนกรีตหยาบ รองพื้นก่อนที่ตั้งแบบไม้ และวางเหล็ก เหล็กเสาตอม่อก็ต้องตั้งตรงได้ดิ่งกับพื้น
 

4. งานคอนกรีตทั่วไป

คือส่วนที่เป็นโครงสร้างทั้งหมดของอาคาร เช่น เสา คาน พื้น ที่เขียนย่อในแบบว่า ค.ส.ล. นั้นย่อมาจาก คอนกรีตเสริมเหล็ก เป็นส่วนประกอบหลักที่ให้ความแข็งแรงกับโครงสร้าง คือคอนกรีตและเหล็กเสริม คอนกรีตอย่างเดียวก็จะแข็งแต่ไม่เหนียว เหล็กอย่างเดียวเหนียวแต่งอได้ จึงต้องใช้มาผสมกัน เพิ่งดูข่าวน้ำท่วมตจว.ไปหยกๆ เห็นน้ำท่วมผ่านถนนขาด รถวิ่งมาถนนพังตกน้ำลงไปทั้งคัน ชาวบ้านมายืนชี้ให้ดูรอยหักของถนน ปรากฏว่าไม่มีเหล็กเสริม มันถึงหักตกน้ำไปได้ง่ายๆ โกงกันหน้าด้านๆเลยนิ  ส่วนคอนกรีตนั้น ถ้าสั่งแบบสำเร็จรูปมาเป็นคันรถเทเลยก็จะได้มาตรฐานดีมาก แต่ถ้าผสมเองต้องดูเขาหน่อย เพราะคอนกรีต ประกอบด้วย ปูนซีเมนต์ ทราย และหิน เป็นสัดส่วนกัน คือ 1:2:4 แล้วก็ต้องผสมน้ำพอประมาณ ไม่เหลวไป ข้นไป และน้ำที่ใช้ต้องเป็นน้ำสะอาดด้วย จะให้ช่างมักง่าย บางทีตักเอาน้ำคลองข้างบ้านมาผสม ขุ่นคลั่กเลย ใช้ไม่ได้ คอนกรีตถ้าผสมเหนียวไปก็เทไม่ค่อยลงเต็มแบบไม้ ต้องมีอุปกรณ์เขย่าคอนกรีตให้อัดตัวแน่น เต็ม พอถอดแบบออกมาแล้วสวยเนียน ไม่เว้าแหว่งเป็นรูโพลง

5. การตั้งไม้แบบ

การเทส่วนโครงสร้างทั้งหมด จะต้องตั้งไม้แบบก่อน เพื่อวางเหล็กเสริม อันนี้ต้องดูให้ดีเพราะช่างมักทำไม่เรียบร้อยเสมอ ตั้งเสาไม่ตรงไม่ได้ดิ่ง หรือบางทีตั้งคานเอียงไม่ได้ระดับ พอหล่อมาแล้ว ดีไม่ดี เขาไม่ค่อยยอมทุบยอมทำใหม่นะ เพราะทุบรื้อทีก็เสียของ (ที่จริงมันของของเรา)

6. งานผูกเหล็ก

เหล็กเสริมมันก็มีขนาดเส้นใหญ่เล็กต่างกันไปเรียกตามความเล็กใหญ่ว่า มิล ตามมาตราเมตริกที่ specในแบบ แต่ช่างจะชอบเรียกเป็นหุน แบบเก่า คือหน่วยเป็นนิ้ว 1 นิ้วมี 8 หุน เหล็กเล็กก็มักจะใช้ทำเหล็กปลอก ส่วนเหล็กใหญ่ก็เสริมเป็นเหล็กยืนเสริมเสาคานเสริม เหล็กเสริมก็ดูซักหน่อยว่าได้เหล็กเต็มตาขนาด (จะดูยากสักหน่อย) ไม่เป็นสนิม ดัดตรงดี เหล็กปลอก ซึ่งควรมีระยะห่างเท่าๆกันไม่ใช่ถี่บ้างห่างบ้าง แต่บางจุดที่จะเน้นความแข็งแรง วิศวกรก็จะเสริมพิเศษให้ถี่ขึ้นอีก เสร็จแล้วก็จะใช้ลวดผูกเหล็กผูกเหล็กยืนและเหล็กปลอกเข้าด้วยกันทุกๆจุดที่เหล็กทาบกัน จึงจะเรียบร้อย แข็งแรงพร้อมเทคอนกรีต ไม่แอ่นโค้งไปมา

7. การบ่มคอนกรีตและถอดแบบ

เมื่อเทคอนกรีตเสร็จแล้ว ต้องรอคอนกรีตแห้งก่อน เพราะคอนกรีตยิ่งแห้งยิ่งมีกำลังรับน้ำหนักได้ดี คงเคยเห็นข่าวตึกถล่มตอนก่อสร้างบ่อยๆ เพราะช่างมันรีบเกินไป คอนกรีตยังไม่แห้ง ไม่setตัว ก็ถอดแบบ ตั้งแบบชั้นบนๆขึ้นไปอีก เมื่อคอนกรีตยังรับน้ำหนักไม่ได้เต็มที่ ก็พังลงมาก่อนแน่นอน การบ่มคือเอากระสอบป่านชุบน้ำคลุมไว้ หรือใช้แผ่นพลาสติกห่อคล้ายๆที่เราใช้ wrap ห่ออาหาร จะทำให้คอนกรีตค่อยๆแห้งและได้กำลังรับสูง แต่ช่างไม่ชอบ เพราะเสียเวลา งานช้าเปลืองค่าแรงลูกน้อง

8. งานไม้

งานไม้แบ่งเป็น 2 ประเภท คืองานโครงสร้างภายใน และส่วนประกอบภายนอก โครงสร้างภายในเช่นโครงเคร่า ฝ้าเพดาน โครงฝา ควรทาน้ำยากันปลวก มอดเสียก่อนที่จะกรุ ส่วนระบบที่วางท่อน้ำยากันปลวกตามโครงสร้างอาคารนั้น เท่าที่เห็นมันไม่ค่อยworkเท่าไหร่ แค่สร้างความมั่นใจเท่านั้น กันปลวกจริงๆไม่ค่อยได้ (นี่ไปขัดทางทำมาหากินของใครเข้ามั่งไม่รู้) เพราะการวางท่อนั้นไม่สามารถกำหนดตำแหน่งให้น้ำยามันฉีดไปได้ทั่วทุกส่วน แล้วปลวกนี่ก็ฉลาดคล้ายแมลงสาบนะครับ กำจัดยากจริงๆ ทางที่ดีคือต้องหมั่นตรวจตราบ้านเราอยู่เสมอ เหมือนเช็คสุขภาพผู้สูงอายุนั่นแหละ เวลาปลวกมันขึ้นมันจะมีทาง มีรอย การเสียเงินจ้างคนกำจัดปลวกคอยดูตามระยะเวลาก็จะดีกว่า (ตามความเห็นของผมนะ) แต่ก็ต้องเลือกบริษัทที่รับผิดชอบดีด้วย พวกที่วางท่อไว้ ก็เห็นต้องมาเรียกใช้บริการพวกนี้อยู่ดี ส่วนประกอบอื่นภายนอก ได้แก่ไม้เชิงชาย ระแนงฝ้าเพดาน พวกนี้เป็นส่วนโชว์ ไม่หลบซ่อนตัวเหมือนพวกโครงต่างๆ จึงต้องมีการใสขัดผิวให้เรียบ ไม่เป็นเสี้ยน การให้ช่างสั่งโรงไม้ใสมาให้เราเลยก็สะดวกและได้มาตรฐานดี แต่จะได้ไม้มาไม่เต็มเพราะเครื่องใสออกไปแล้ว แต่ก็ดีกว่าให้ช่างมานั่งใสในที่ ซึ่งควรจะเป็นการขัดละเอียดก่อนลงสี ลงน้ำยามากกว่า ยิ่งเฉพาะบันใดด้วยแล้ว เราจะต้องสัมผัสใกล้ชิด นี่ต้องให้เนียนกว่าเพื่อนส่วนเคร่าฝ้าปัจจุบัน นิยมใช้ยิบซั่มกันมากกว่าไม้ เพราะราคาถูกกว่า แล้วค่อยไปว่าเรื่องยิบซั่มอีกทีหลัง

9. งานก่ออิฐ

ส่วนใหญ่คือการก่ออิฐผนังและแผงกำแพง ที่นิยมที่สุดคืออิฐมอญและคอนกรีตบล็อก การก่ออิฐผนังจะต้องมีเหล็กเสริมหนวดกุ้งเสริมยื่นออกมาจากเสาเตรียมไว้แล้ว เพื่อยึดผนังกับเสาให้แข็งแรง ก่อนก่ออิฐต้องเอาอิฐไปแช่น้ำให้อิ่มน้ำก่อน แล้วจึงนำมาใช้ ไม่งั้นอิฐที่แห้งจะดูดน้ำจากปูนก่อจนปูนก่อแห้งไป ไม่ยึดติดอิฐก่อ จะหลุดร่วงได้ก่อนฉาบปูนด้วยซ้ำ การก่ออิฐต้องเริ่มจากมุมเสาก่อนและขึงแนวกำแพงทั้งทางตั้ง ทางนอนไว้เป็นระยะ เวลาก่อจะได้ไม่เลื้อยเป็นงู ถ้าผนังยาวหรือ สูงมากจะต้องมีเอ็นค.ส.ล.เสริมยึดให้แข็งแรงด้วย งานก่ออิฐเดี๋ยวนี้ไม่ใช่กำแพงอิฐล้วนๆอย่างเดียว แต่ยังฝังงานระบบสารพัดอย่างลงไปด้วย เช่นระบบน้ำ ระบบไฟ ต้องให้ช่างประสานงานและเว้นงานให้สัมพันธ์กัน ไม่อย่างนั้น เวลาจะมาวางระบบต้องรื้อต้องเจาะกันอยู่เรื่อย กำแพงที่ก่อไว้แล้วก็อาจเสียหาย หรือไม่แข็งแรง การเสริมเอ็นค.ส.ล.ตามแนวผนัง หรือล้อมรอบวงกบประตูหน้าต่าง

10.งานฉาบปูน

ก่อนการฉาบปูนต้องทำการจับเซี้ยม ตามระดับขอบเสา มุม ผนังเสียก่อนเพื่อความเรียบร้อย และได้ดิ่ง ได้ฉาก ก่อนฉาบก็ต้องรดน้ำผนังก่ออิฐให้ชุ่มเสียก่อนเช่นเดียวกัน จะช่วยไม่ให้ผนังแตกร้าวเพราะอิฐดูดน้ำไปจากปูนฉาบ ส่วนผนังภายนอกที่โดนแดดมากๆ ก็ต้องให้น้ำกันหน่อย รดน้ำซะ 3 วัน จะได้ไม่แตกลายงาภายหลัง เพราะปูนมันแห้งเร็วกว่าปกติ แล้วอย่าลืมวางระบบต่างๆเสียให้เสร็จ จะได้ไม่ต้องมาสะกัดอีกภายหลัง เพราะไม่ว่าการฉาบปูนซ่อมใหม่จะทำได้เรียบร้อยปานใด ก็ยังมีร่องรอยอยู่ดี เพราะปูนทำกันคนละที ไม่สนิทเป็นเนื้อเดียวกัน การทาสีอาจกลบไม่หมด ต้องติด wallpaper แทน เสียเงินมากขึ้นไปอีก การฉาบปูนผนังห้องน้ำต้องทำผิวให้หยาบเพื่อปูกระเบื้องเคลือบ การฉาบปูนภายนอก ควรตั้งนั่งร้านให้แข็งแรง การทำงานจะง่าย เร็ว และปลอดภัย และได้งานที่ดี ถ้านั่งร้านไม่แข็งแรง เกิดอุบัติเหตุ ก็จะมีผลกระทบกับงาน ที่จริงผู้รับเหมาจะต้องรับผิดชอบเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงาน แต่บางทีก็มั่ว หรือหาเหตุที่มากระทบเรา เข้าจนได้

11. การติดตั้งวงกบ ประตู หน้าต่าง

การติดตั้งวงกบประตูหน้าต่างถ้าไม่ยึดติดกับเสา จะต้องทำเอ็นค.ส.ล.ทุกด้านเพื่อความแข็งแรง และต้องให้ได้ดิ่งเสมอ เวลาใช้งานนานๆ จะได้ไม่แตกร้าวที่มุมประตู ถ้าวงกบใช้ไม้ดีๆสวยๆก็ควรทาน้ำมันเคลือบผิวไว้ก่อน จะได้ไม่เปื้อนน้ำปูน เวลามาลงชเลคภายหลังก็จะสวย ไม่มีรอยปูนเปื้อนให้หงุดหงิด เพราะมันล้างไม่ออกการติดตั้งบานประตูหน้าต่าง ต้องใสแต่งขอบบานให้เรียบร้อยให้หลวมๆนิดหน่อย เผื่อความหนาสำหรับวัสดุทาผิวด้วย ไม่งั้นตอนใส่บานมันเปิดง่ายดี แต่พอทาสีไปแล้วทำไมมันฝืดจังบานประตูถ้าเป็นไม้อัดจะต้องดูด้วยว่าใช้ภายในหรือภายนอก เพราะคุณสมบัติและราคามันผิดกันถ้าเอาของภายในไปใช้ภายนอก ไม่นานก็บวม อย่าเชื่อช่างหรือขี้เหนียวเกินการใช้บานพับติดตั้งก็ต้องดูด้วยว่า ติดตั้งกับบานอะไร คือต้องใช้ขนาดให้เหมาะสมกับน้ำหนักของบานนั้นๆ บานใหญ่ หนัก ก็ต้องใช้บานพับใหญ่ตามกัน ถ้าบานพับเล็กไป ไม่นานบานจะตกเอียงปิดไม่เข้า เดือดร้อนภายหลังจะหาช่างมาเปลี่ยนก็ยาก เพราะงานเล็กๆ ช่างไม่ชอบทำ ถึงแม้เราคิดว่าเราจ่ายกะตังค์จ้าง แต่อย่าลืมว่าช่างเขาก็หางานที่ทำง่าย เสร็จเร็ว รายได้ดีกว่า เสมอ

12. งานหลังคา

งานหลังคา แบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนโครงหลังคา และส่วนวัสดุมุงหลังคา  งานโครงหลังคา แต่ก่อนก็ใช้กันแต่โครงไม้ เดี๋ยวนี้หันมาใช้โครงเหล็กกันหมดแล้ว ส่วนโครงสร้างหลัก บางทีก็เป็นค.ส.ล. บางทีก็เป็นเหล็กหมด ตั้งแต่คานอะเสขึ้นไป เพราะเดี๋ยวนี้ สร้างง่าย ราคาถูกกว่าอย่างอื่น ถ้าได้ช่างดีๆก็จะเรียบร้อยมาก ช่างเหล็กเดี๋ยวนี้อาจแยกงานเป็นช่างคนละชุดกับช่างอื่น เพราะความชำนาญงานไม่เหมือนกัน แต่เอาช่างเหล็กมาเป็นช่างไม้ไม่ได้ วิธีการมันยากกว่าเยอะ ค่าตัวก็แพงกว่ากัน โครงหลังคา ถ้ายังใช้ไม้อยู่ก็อย่าลืมทาน้ำยากันปลวก ทาหลายเที่ยวยิ่งดี ปลวกมันทำงาน 24 ชั่วโมงนะ ส่วนโครงสร้างก็ดูระยะความห่าง แป จันทัน ให้สม่ำเสมอ สำคัญที่ระนาบของหลังคาคือต้องตรงเรียบเสมอกันหมด ห้ามแอ่น ห้ามแบะ เพราะจะทำให้เวลามุงกระเบื้องไม่สนิท น้ำจะเข้าได้ งานมุงกระเบื้อง ขึ้นอยู่กับชนิดกระเบื้อง ว่าเป็นแบบไหน แผ่นใหญ่หรือเล็ก หนาหรือบาง ถ้าหลังคาชันๆก็เลือกใช้กระเบื้องแผ่นเล็กๆได้ หลักที่ต้องจำคือการมุงต้องดูทิศทางลมด้วย คือต้องมุงย้อนทางลม เพื่อให้การซ้อนทับของกระเบื้องไม่รับทางลม เพราะลมที่แรงจะดันน้ำให้ย้อนเข้าทางร่องแผ่นกระเบื้องที่มุงไม่แนบสนิทกันได้ แนวกระเบื้องทางตั้ง ต้องให้ได้แนวตรงไม่โค้งบิด หรือเลื้อย เพราะทำให้กระเบื้องไม่แนบสนิทกัน ส่วนจะใช้ฉนวนกันความร้อนด้วยหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับงบประมาณ จะใช้หรือไม่ก็ได้ เพราะตัวฉนวนนั้นมีประสิทธิภาพกันความร้อนได้ส่วนหนึ่งเท่านั้น สู้การทำการระบายความร้อนในช่องหลังคาให้สะดวกไม่ได้
 

13. งานฝ้าเพดาน

ยังมีการใช้โครงไม้อยู่ เพราะแข็งแรงทนทานกว่าโครงเหล็กชุบสังกะสีกับยิบซั่ม และออกแบบได้หลากหลายกว่ากัน งานไม้จะเรียบร้อยกว่า ถ้าใช้ยิบซั่มต้องกำชับดูแลให้ดีกว่าการยึดลวดแขวนโครงเหล็กแข็งแรงแน่นหนา ยึดกับโครงสร้างใหญ่ๆที่รับน้ำหนักได้ดี เพราะตอนแขวนโครงมันก็เสมอดี แต่พอวางแผ่นยิบซั่มลงไปแล้ว มันแอ่นไปแอ่นมาเป็นลอนๆ เป็นคลื่นเชียว โดยเฉพาะแบบ T-Bar ถ้าเป็นแบบฉาบเรียบก็จะเรียบร้อย แข็งแรงกว่า แต่ก็ดูให้เขายิงตะปูเกลียวถี่ๆหน่อย เพราะในระยะยาวถ้าแผ่นยิบซั่มเริ่มเสื่อมสภาพการยึดเกาะจะน้อยลง อาจจะหลุดหล่นลงมาทั้งแผ่นได้ ตะปูเกลียวถี่ๆจะรับน้ำหนักได้ดีกว่า รอยต่อก็ควรทำให้เรียบร้อย ถ้ามีบัวเพดานปิดได้ก็ยิ่งดี

14. งานติดตั้งประปา สุขภัณฑ์

ท่อประปา ท่อน้ำทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นเหล็กชุบสังกะสี หรือท่อ PVC เน้นดูที่การติดตั้งข้อต่อต่างๆให้แข็งแรง น้ำยาทาให้ทั่วกันรั่วซึม ท่อแต่ละแนว แต่ละเลี้ยว ต้องมีอุปกรณ์ยึดเกาะให้แน่นหนาแข็งแรง ลองเขย่าดูไม่สั่นเป็นใช้ได้ ที่สำคัญเมื่อติดตั้งระบบท่อทั้งหมดแล้ว ก่อนติดตั้งงานอื่นๆต่อ ต้องทดลองแรงดันน้ำด้วยว่าไม่มีส่วนใดรั่วซึม จึงทำการฉาบปูน ปิดทับ ฝังท่อได้ ตำแหน่งของสุขภัณฑ์ต่างๆ ตรวจสอบให้ดีก่อนว่าท่อที่วางไว้ มีระยะตรงกับรุ่นที่ซื้อมาหรือไม่ (ควรจัดซื้อสุขภัณฑ์ไว้ก่อนเลย) เพราะต่างยี่ห้อ ต่างรุ่น ระยะและการติดตั้งจะไม่เหมือนกัน แล้วจึงปูกระเบื้องให้เรียบร้อยก่อนติดตั้งสุขภัณฑ์ แล้วก็ทดลองระบบน้ำอีกครั้งว่ามีรั่วซึมหรือไม่ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
 

15. การติดตั้งไฟฟ้า

ไฟฟ้าเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่สุดในปัจจุบัน แต่อันตรายจากไฟฟ้าก็ยังมากเหมือนเดิม การก่อสร้างที่ทำไม่ดี เป็นสาเหตุให้ไฟไหม้มาเยอะแล้วหลังจากการก่อสร้างเสร็จใหม่ๆ การติดตั้งและใช้วัสดุต้องเลือกใช้ที่มีมาตรฐานดี อย่าเลือกซื้อของที่ราคาถูกอย่างเดียว การติดตั้งเดินสายถ้าร้อยท่อได้ควรจะทำ แพงกว่าหน่อยแต่ปลอดภัยต่อชีวิต และทรัพย์สิน โดยเฉพาะส่วนที่ลึกลับ ซอกซอย ที่พวกหนูแมลงจะเข้าถึง หรือยึดเป็นบ้านของมันบ้าง ต้องร้อยท่อให้หมด อย่าเดินลอย ให้มันแทะเล่นเป็นอันขาด ไฟจะช็อตเอา ไฟไหม้ที่ไหนทุกครั้งเขาก็จะโทษว่าไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง  สายไฟที่ต่อเชื่อมพันกันต้องพันเทปให้เรียบร้อยแน่นหนา เมื่อเสร็จแล้วก็ทดสอบการใช้งานให้เรียบร้อยทุกจุด เครื่องมือพวกตัดไฟ กันไฟดูดทั้งหลายศึกษาและเลือกใช้ได้ก็ดี กันไว้อีกชั้นหนึ่ง ที่สำคัญช่างที่จัดระบบไฟ ดูว่าเขาเก่งหรือเปล่า หลอกถามไปเรื่อยๆก็ได้ ถามโน่น ถามนี่ ถ้าเก่งเขาก็ตอบได้หมด ถ้าไม่เก่งจะเป็นพวกข้ามขั้น ครูพักลักจำไปเล่นตลกได้ แต่มาเป็นช่างไฟไม่ได้ พลาดพลั้งขึ้นมาถึงชีวิตเชียว โดยเฉพาะเรื่องสายดินที่ต้องมีติดตั้งกับอุปกรณ์สำคัญที่เขามีสายดินสีเขียวๆโผล่มาด้วย ต้องติดตั้งให้ครบ ที่ดูดคนตายมาเยอะแล้วก็เครื่องทำน้ำร้อนในห้องน้ำนี่แหละ อันตรายที่สุด

16. งานระบบน้ำเสีย ระบบระบายน้ำ 

บ่อเกรอะ บ่อซึม จะใช้ระบบโบราณคือใช้บ่อซีเมนต์สำเร็จรูปหรือก่ออิฐก็ได้ ถ้ามีพื้นที่ หรือระดับน้ำใต้ดินไม่สูง (สังเกตุดูตอนขุดดินทำฐานรากนะครับ ว่าขุดถึงระดับไหมน้ำจะซึมขึ้นมา) ก็จะใช้ได้ดี ไม่เปลือง แต่ถ้าเป็นพื้นที่ ที่น้ำใต้ดินสูง หรือที่แคบๆในกรุงเทพฯ พื้นที่ไม่อำนวยก็ต้องใช้แบบถังบำบัดสมัยใหม่ เสียตังค์แพงหน่อย ต่อจากบ่อดักบ่อพักแล้ว ก็จะเข้าท่อระบาย ให้วางบ่อพักไม่เกินระยะ 4 เมตรต่อ 1 บ่อและทำระดับเอียงลาดมากๆหน่อย จะได้ไม่อุดตันบ่อย และสามารถเปิดตัก ทำความสะอาดสิ่งอุดตันได้ การวางท่อน้ำทิ้งและบ่อพัก ให้ช่างพยายามบดอัดดินที่รองรับแนวท่อให้แน่น จะได้ไม่ทรุดง่าย พังเร็ว

17. งานปูวัสดุผิวพื้นและผนัง 

วัสดุตกแต่งพื้นผิวมีหลายชนิด ติดตั้งกับส่วนพื้น และผนัง ได้หลายชนิดเช่นกัน ส่วนพื้น ก่อนปูกระเบื้องหรือไม้ปาร์เก้ ต้องปรับระดับพื้นผิวให้เรียบสม่ำเสมอ ไม่เป็นแอ่ง เป็นลอน แล้วทำความสะอาดพื้นผิว ไม่ให้มีฝุ่นผง เศษวัสดุ การปูกระเบื้องก็ต้องตั้งปุ่มระดับก่อนและตั้งแนวกระเบื้องทั้ง 2 ทาง ทางตรงและขวาง เลือกปูจากด้านที่เห็นชัดเจนก่อน เมื่อไปจบอีกด้านหนึ่งกระเบื้องอาจจะเหลือเศษ ต้องตัดออก ซึ่งจะไม่เรียบร้อย ก็หลบไว้ด้านที่ไม่สำคัญ อย่าลืมแช่กระเบื้องให้อมน้ำก่อน เหมือนก่ออิฐนั่นแหละ แนวกระเบื้องถ้ากระเบื้องดีก็สามารถปูได้เกือบชิด แต่ถ้าอยากเว้นร่องก็ไม่ควรให้ห่างจนเกินไป ทำความสะอาดยาก เมื่อยาแนวเรียบร้อยแล้วปล่อยให้แห้งสนิทก่อน อย่าให้ใครไปเดินเหยียบ จะทรุดหรือหลุดได้ 
   
การปูไม้ปาร์เก้ ก็ลักษณะเดียวกัน แต่เมื่อปูเสร็จแล้วก็ต้องอุด โป้ว รูร่องต่างๆที่มีอยู่ให้เรียบร้อย แล้วทิ้งไว้ให้กาวแห้งสนิทเสียก่อน อย่างต่ำสัก 1 อาทิตย์ ถ้ามากกว่านั้นได้ก็ดี การขัดให้เรียบต้องใช้ฝีมือช่างพอสมควร กำชับช่างหน่อย เพราะต้องสม่ำเสมอทั่วกัน การขัดส่วนพื้นที่ใหญ่ๆจะใช้เครื่องตัวโต ส่วนซอกซอยที่เครื่องใหญ่เข้าไม่ถึง ก็จะใช้เครื่องเล็กๆมาเก็บงานอีกทีหนึ่ง ที่ให้กำชับเป็นพิเศษเพราะไม้ปาร์เก้นั้น ถ้าขัดไม่ดี ไม่สม่ำเสมอ ลึกเป็นรอย เป็นแอ่งแล้วแก้ยาก เอาผิวไม้ปะกลับไปไม่ได้ ก็ต้องขัดลึกลงไปเรื่อยๆ ยิ่งลึกก็ยิ่งไม่เสมอ แต่ที่เห็นตามบ้านจัดสรร ระดับดี หลายแห่งขัดน้อยไป ผิวยังไม่ทันเรียบเสมอเลย ทาเคลือบผิวซะแล้ว ก่อนทาเคลือบจะตรวจงานยากสักหน่อย เพราะมองยาก แต่ตอนที่ทาเคลือบแล้ว เวลาเรามองเอียงๆจะเห็นชัดเจน การปูพรมหรือกระเบื้องยาง ก็หลักการเดียวกัน ต้องปรับระดับให้เรียบก่อน และทำความสะอาดพื้นผิว ก่อนปู
    

18. งานสี

ก่อนทา ตรวจสอบดูสีที่จะใช้ก่อน ว่าถูก spec หรือไม่ ที่สำคัญใช้สีตามคุณสมบัติ คือสีที่ระบุสำหรับทาภายใน ภายนอก อย่าใช้สลับกัน สีทาภายใน ห้ามมาทาภายนอกเด็ดขาด การเลือกสี ถ้าเลือกยี่ห้อไหนก็ต้องเอาแคทตาล็อคของยี่ห้อนั้น เพราะโทนสีแต่ละโรงงานไม่เหมือนกัน ถ้าไม่มีก็ควรมาเทียบกันดูก่อนว่าใกล้เคียงกันไหม รับได้ไหม แล้วค่อยซื้อ ถ้าเลือกใช้สีตามเบอร์ของโรงงานได้ก็จะดี อย่าให้ช่างผสมสีเอง เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเก่ง ผสมไม่เหมือน บางทีผสมไม่พอ ทาหมดแล้วผสมใหม่ก็ไม่เหมือนกัน ก่อนทาก็ต้องอุดโป้ว ทำความสะอาดผนัง ให้เรียบร้อยก่อน และผนังต้องแห้งสนิท ชื้นเปียกไม่ได้ ฝนตกก็ไม่ควรทา เมื่อทาแต่ละชั้นต้องรอให้ชั้นที่ทาแล้วแห้งดีก่อน จึงทาทับ อย่างน้อย 2 เที่ยว ไม่ให้เห็นรอยแปรง

19. การเก็บกวาดทำความสะอาดสถานที่

เป็นอันว่าหมดขั้นตอน การก่อสร้างแต่เพียงนี้ เมื่อผู้รับเหมาเก็บข้าวของเครื่องมือเครื่องใช้ไปหมดแล้ว ต้องให้เขาเก็บเศษวัสดุเหลือใช้ต่างๆ และขยะไปทิ้งให้ด้วย และให้ทำความสะอาดอาคารทุกส่วนให้เรียบร้อยจึงตรวจรับงานได้ จ่ายตังค์ซะ วัสดุเหลือใช้บางอย่างเราเก็บไว้สำรองซ่อมแซมภายหลังก็ดี เช่นกระเบื้อง สี เพราะถ้ามีปัญหาต้องซ่อมจะได้ไม่ต้องไปตระเวนหาของ อย่างกระเบื้องนี่จะผลิตรุ่นใหม่ออกมาเรื่อยๆ รุ่นเก่าเลิกผลิต จะหาของยาก

20. การจ่ายเงิน

ข้อสุดท้ายนี่แถมนะครับ ไม่ได้เกี่ยวกับการก่อสร้าง แต่มันเกี่ยวกับการบริหารผู้รับเหมา การจ่ายเงินควรแบ่งจ่ายเป็นงวดๆ จ่ายให้เขาตามเนื้องานที่ทำแล้วเสร็จ เมื่อเรารู้งวดงานละเอียดขนาดนี้แล้ว ก็ควรประมาณราคาได้ว่าแต่ละงวด มันเป็นเงินเท่าไหร่ ก็เจรจาจ่ายไปตามผลงาน ช่างอาจมีเบิกล่วงหน้าบ้างแล้วแต่ตกลง แต่ต้องเหลือเงินไว้งวดสุดท้ายก่อนงานจบเสมอ ถ้าเป็นผู้รับเหมาเขาจะต้องมีเงินหมุนเวียนบ้าง แต่ถ้าเราจ้างช่างโดยตรงจะเสี่ยงหน่อย เพราะเบิกเงินแล้วหายหน้านี่ จะเจอบ่อย ทำงานแล้วไม่รับผิดชอบจนเสร็จงาน พอเจองานแก้ งานติดขัด จะออดอ้อนสารพัด ถ้าใจอ่อนให้ไปมาก เพื่อนขนของหายไปเลยก็มี บางทีก็ไม่ขนของ ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าซะงั้น



ขอขอบคุณที่มา  http://www.plb.co.th/knowledge.php

ตกแต่งบ้านตาม..ฮวงจุ้ยอย่างมีเหตุผล

ตกแต่งบ้านตาม..ฮวงจุ้ยอย่างมีเหตุผล
"ฮวงจุ้ย" เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยภูมิพยากรณ์ของประเทศจีน ซึ่งสั่งสมกันมานับพันๆปี หลักของฮวงจุ้ยนั้นจึงเป็นการถ่ายทอดความรู้จากรุ่นสู่รุ่นในแบบของความ เชื่อ ซึ่งเป็นวิธีการสอนของคนสมัยก่อนมากกว่าการสอนด้วยหลักเหตุผลแบบวิทยาศาสตร์ แต่เมื่อเรานำความเชื่อของฮวงจุ้ยมาวิเคราะห์กันจริงๆแล้ว จะพบว่าความเชื่อเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับหลักของเหตุและผลอยู่ในความคิด แห่งภูมิปัญญานั้น

รูปทรงที่ดินแบบต่างๆ1."รูปทรงที่ดินปากกว้าง ก้นแคบ ในตำราฮวงจุ้ยกล่าวเอาไว้ว่าเป็นที่ดินไม่เก็บทรัพย์ เงินทองรั่วไหล เจ้าของบ้านจะมีหนี้สินมากมาย หาเท่าไหร่เป็นหมด และใครที่ปลูกบ้านบนที่ดินลักษณะนี้ชีวิตสมรสจะล้มเหลว" สมัยก่อนประเทศจีนมีการเก็บภาษีที่ดินจากความยาวของด้านที่อยู่ติดถนน ชาวจีนสมัยนั้นจึงไม่นิยมสร้างบ้านบนที่ดินที่มีหน้ากว้าง อีกทั้งบ้านที่มีด้านยาวติดถนนมากๆ มักจะมีปัญหาเรื่องฝุ่น ควัน และเสียงดังรบกวนจากภายนอกได้ง่ายด้วย แต่ถ้าเรามองในแง่ของการค้าแล้ว ที่ดินลักษณะนี้กลับน่าจะเป็นข้อได้เปรียบตรงที่มีพื้นที่ขายหน้าร้านกว้าง มากขึ้น

2."รูปทรงที่ดินสี่เหลี่ยมคางหมูปากแคบ ตำราฮวงจุ้ยเรียกว่าเป็นที่ดิน "ถุงเงิน" เป็นที่ดินที่เก็บทรัพย์ได้ดี แต่อาจต้องดิ้นรนต่อสู้เอาบ้างในช่วงแรกเริ่ม" น่าจะมีเหตุผลมาจากการเก็บภาษีที่ดินของประเทศจีนในสมัยก่อนเช่นเดียวกับข้อ แรก ทำให้เจ้าของบ้านบนที่ดินหน้าแคบมีเงินเหลือเก็บมากกว่าบ้านบนที่ดินหน้า กว้าง และหากมองในแง่การออกแบบแล้ว ที่ดินลักษณะนี้มักจะมีปัญหาเรื่องเสียงรถ และฝุ่นควัน รบกวนน้อยกว่าด้วย

3." ใครปลูกบ้านบนที่ดินใบมีด จะมีแต่อันตราย" การออกแบบบ้านบนที่ดินแคบยาว และมีขนาดเล็กมากๆ อาจมีปัญหาเรื่องการวางตำแหน่งห้องภายในบ้านซึ่งจะทำได้ค่อนข้างยาก โดยเฉพาะที่ดินที่ด้านแคบหันไปทางทิศเหนือ-ใต้ เพราะจะทำให้ออกแบบตัวบ้านเลี่ยงแสงแดดได้ลำบาก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้บ้านร้อน จนเจ้าของบ้านอยู่แล้วรู้สึกไม่สบาย อีกทั้งในการออกแบบบ้าน เรายังต้องคำนึงถึงระยะถอยร่นจากเขตที่ดินอย่างน้อย 2 เมตร เพื่อสามารถทำหน้าต่างบ้านได้ ทำให้พื้นที่ที่เหลือสำหรับสร้างบ้านจริงๆเหลือน้อยมาก จนทำให้การออกแบบบ้านให้ดีนั้นทำได้ยาก

4."ใครปลูกบ้านบน ที่ดินรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน จะมีปัญหาเรื่องสุขภาพ และประสบอุบัติเหตุบ่อย จนเป็นเหตุให้มีเรื่องให้เสียเงินเสียทองเสมอ" ที่ดินลักษณะนี้ไม่ว่าจะวางตำแหน่งบ้านแบบไหนก็จะเหลือเศษสามเหลี่ยมมุมแหลม เป็นซอกรั้วบ้านทั้ง 2 ด้านเสมอ ซึ่งเป็นรูปร่างของพื้นที่ที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้มากนัก นอกจากจะจัดเป็นสวนหรือระเบียงนั่งเล่น และในแง่ของจิตวิทยาลักษณะซอกมุมเหล่านี้ ยังเป็นมุมที่ทำให้ผู้มองเกิดความรู้สึกอึดอัดอีกด้วย

 5."ที่ดินรูป ค้อน จะส่งผลให้มีแต่เรื่องหนักใจ ครอบครัวแตกร้าว มีทุกข์เหมือนกับโดนค้อนทุบ" ที่ดินลักษณะนี้ถ้าหากเราวางผังบ้านไม่ดีจะเหลือซอกมุมและจุดอับมาก ซึ่งในการออกแบบบ้านที่ดีนั้น เจ้าของบ้านควรจะสามารถมองเห็นบริเวณภายในบ้าน ทุกๆส่วนได้ชัดเจนด้วย เพราะการมีมุมอับทางสายตาในบ้าน จะทำให้เจ้าของบ้านเกิดความรู้สึกไม่ค่อยดีในเชิงความไม่ปลอดภัยและเป็น กังวลได้ง่าย ดังนั้นการวางตำแหน่งบ้านบนที่ดินรูปค้อน เราจึงไม่ควรวางตัวบ้านเบี่ยงไปด้านใดด้านหนึ่งมากจนเกินไป

 6." ที่ดินรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเป็นทำเลฮวงจุ้ยที่ดี ครอบครัวที่อยู่บนทำเลนี้จะอยู่ดีเป็นสุข ไม่ค่อยมีเรื่องที่ทำให้เดือดร้อนใจ" เป็นลักษณะที่ดินที่ออกแบบและวางผังได้ค่อนข้างง่าย ไม่เหลือเศษพื้นที่และมุมอับทางสายตาเหมือนที่ดินหักมุม แต่ความยาวที่เท่ากันทุกด้านนั้น ก็ทำให้บ้านดูไม่น่าสนใจด้วยเช่นกัน

7." ที่ดินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าตามตำราฮวงจุ้ยเป็นที่ดินที่ดีที่สุด ผู้อยู่อาศัยจะดี ครอบครัวมีความสุข" เป็นลักษณะรูปทรงที่ดินที่วางผังบ้านได้ง่ายที่สุด และสามารถออกแบบให้มีพื้นที่เหลือ สำหรับสวนและปลูกต้นไม้ได้มากกว่าที่ดินลักษณะอื่นๆ (ในขนาดพื้นที่เท่ากัน) โดยเฉพาะที่ดินสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่อยู่ทางทิศขวางตะวันหรือมีด้านแคบหันไปทางทิศตะวันออก และตะวันตก เพราะจะช่วยให้เราสามารถออกแบบบ้านรับลมประจำถิ่น ที่พัดมาจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ได้เต็มที่

8."ใครปลูกบ้านบนที่ดิน รูปทรงสามเหลี่ยมนั้นไม่ดี จะเจ็บไข้ได้ป่วย เกิดอุบัติเหตุและมีปัญหาเรื่องชู้สาว" วิธีแก้คือแบ่งส่วนปลายสามเหลี่ยมออกมุมหนึ่ง จึงสามารถปลูกบ้านได้ แต่ที่ดินนั้นจะต้องมีขนาดใหญ่พอที่จะปลูกบ้านได้ด้วย" ที่ดินรูปสามเหลี่ยมหากมีขนาดเล็กมาก จะทำให้เราออกแบบบ้านได้ค่อนข้างลำบาก เพราะที่ดินลักษณะนี้จะมีมุมของรั้วบ้านซึ่งเป็นซอกไม่น่าดูถึง 2 มุมด้วยกัน ส่งผลให้เกิดความรู้สึกอึดอัดทางสายตา (ซึ่งเราอาจแก้ปัญหาด้วยการปลูกต้นไม้ เพื่อหลบเหลี่ยมมุมและปิดรั้ว) อีกทั้งพื้นฐานของรูปทรงบ้านและห้องภายในบ้านนั้นเป็นสี่เหลี่ยม เมื่อนำไปวางในพื้นที่สามเหลี่ยมจะทำให้เราเสียพื้นที่สำหรับสร้างบ้าน มากกว่าที่ดินที่เป็นรูปสี่เหลี่ยม

ขอบคุณข้อมูลที่มาจาก : http://www.kuasakul.com/

ตกแต่งบ้านตาม..ฮวงจุ้ยอย่างมีเหตุผล

ตกแต่งบ้านตาม..ฮวงจุ้ยอย่างมีเหตุผล
"ฮวงจุ้ย" เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยภูมิพยากรณ์ของประเทศจีน ซึ่งสั่งสมกันมานับพันๆปี หลักของฮวงจุ้ยนั้นจึงเป็นการถ่ายทอดความรู้จากรุ่นสู่รุ่นในแบบของความ เชื่อ ซึ่งเป็นวิธีการสอนของคนสมัยก่อนมากกว่าการสอนด้วยหลักเหตุผลแบบวิทยาศาสตร์ แต่เมื่อเรานำความเชื่อของฮวงจุ้ยมาวิเคราะห์กันจริงๆแล้ว จะพบว่าความเชื่อเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับหลักของเหตุและผลอยู่ในความคิด แห่งภูมิปัญญานั้น

รูปทรงที่ดินแบบต่างๆ1."รูปทรงที่ดินปากกว้าง ก้นแคบ ในตำราฮวงจุ้ยกล่าวเอาไว้ว่าเป็นที่ดินไม่เก็บทรัพย์ เงินทองรั่วไหล เจ้าของบ้านจะมีหนี้สินมากมาย หาเท่าไหร่เป็นหมด และใครที่ปลูกบ้านบนที่ดินลักษณะนี้ชีวิตสมรสจะล้มเหลว" สมัยก่อนประเทศจีนมีการเก็บภาษีที่ดินจากความยาวของด้านที่อยู่ติดถนน ชาวจีนสมัยนั้นจึงไม่นิยมสร้างบ้านบนที่ดินที่มีหน้ากว้าง อีกทั้งบ้านที่มีด้านยาวติดถนนมากๆ มักจะมีปัญหาเรื่องฝุ่น ควัน และเสียงดังรบกวนจากภายนอกได้ง่ายด้วย แต่ถ้าเรามองในแง่ของการค้าแล้ว ที่ดินลักษณะนี้กลับน่าจะเป็นข้อได้เปรียบตรงที่มีพื้นที่ขายหน้าร้านกว้าง มากขึ้น

2."รูปทรงที่ดินสี่เหลี่ยมคางหมูปากแคบ ตำราฮวงจุ้ยเรียกว่าเป็นที่ดิน "ถุงเงิน" เป็นที่ดินที่เก็บทรัพย์ได้ดี แต่อาจต้องดิ้นรนต่อสู้เอาบ้างในช่วงแรกเริ่ม" น่าจะมีเหตุผลมาจากการเก็บภาษีที่ดินของประเทศจีนในสมัยก่อนเช่นเดียวกับข้อ แรก ทำให้เจ้าของบ้านบนที่ดินหน้าแคบมีเงินเหลือเก็บมากกว่าบ้านบนที่ดินหน้า กว้าง และหากมองในแง่การออกแบบแล้ว ที่ดินลักษณะนี้มักจะมีปัญหาเรื่องเสียงรถ และฝุ่นควัน รบกวนน้อยกว่าด้วย

3." ใครปลูกบ้านบนที่ดินใบมีด จะมีแต่อันตราย" การออกแบบบ้านบนที่ดินแคบยาว และมีขนาดเล็กมากๆ อาจมีปัญหาเรื่องการวางตำแหน่งห้องภายในบ้านซึ่งจะทำได้ค่อนข้างยาก โดยเฉพาะที่ดินที่ด้านแคบหันไปทางทิศเหนือ-ใต้ เพราะจะทำให้ออกแบบตัวบ้านเลี่ยงแสงแดดได้ลำบาก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้บ้านร้อน จนเจ้าของบ้านอยู่แล้วรู้สึกไม่สบาย อีกทั้งในการออกแบบบ้าน เรายังต้องคำนึงถึงระยะถอยร่นจากเขตที่ดินอย่างน้อย 2 เมตร เพื่อสามารถทำหน้าต่างบ้านได้ ทำให้พื้นที่ที่เหลือสำหรับสร้างบ้านจริงๆเหลือน้อยมาก จนทำให้การออกแบบบ้านให้ดีนั้นทำได้ยาก

4."ใครปลูกบ้านบน ที่ดินรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน จะมีปัญหาเรื่องสุขภาพ และประสบอุบัติเหตุบ่อย จนเป็นเหตุให้มีเรื่องให้เสียเงินเสียทองเสมอ" ที่ดินลักษณะนี้ไม่ว่าจะวางตำแหน่งบ้านแบบไหนก็จะเหลือเศษสามเหลี่ยมมุมแหลม เป็นซอกรั้วบ้านทั้ง 2 ด้านเสมอ ซึ่งเป็นรูปร่างของพื้นที่ที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้มากนัก นอกจากจะจัดเป็นสวนหรือระเบียงนั่งเล่น และในแง่ของจิตวิทยาลักษณะซอกมุมเหล่านี้ ยังเป็นมุมที่ทำให้ผู้มองเกิดความรู้สึกอึดอัดอีกด้วย

 5."ที่ดินรูป ค้อน จะส่งผลให้มีแต่เรื่องหนักใจ ครอบครัวแตกร้าว มีทุกข์เหมือนกับโดนค้อนทุบ" ที่ดินลักษณะนี้ถ้าหากเราวางผังบ้านไม่ดีจะเหลือซอกมุมและจุดอับมาก ซึ่งในการออกแบบบ้านที่ดีนั้น เจ้าของบ้านควรจะสามารถมองเห็นบริเวณภายในบ้าน ทุกๆส่วนได้ชัดเจนด้วย เพราะการมีมุมอับทางสายตาในบ้าน จะทำให้เจ้าของบ้านเกิดความรู้สึกไม่ค่อยดีในเชิงความไม่ปลอดภัยและเป็น กังวลได้ง่าย ดังนั้นการวางตำแหน่งบ้านบนที่ดินรูปค้อน เราจึงไม่ควรวางตัวบ้านเบี่ยงไปด้านใดด้านหนึ่งมากจนเกินไป

 6." ที่ดินรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเป็นทำเลฮวงจุ้ยที่ดี ครอบครัวที่อยู่บนทำเลนี้จะอยู่ดีเป็นสุข ไม่ค่อยมีเรื่องที่ทำให้เดือดร้อนใจ" เป็นลักษณะที่ดินที่ออกแบบและวางผังได้ค่อนข้างง่าย ไม่เหลือเศษพื้นที่และมุมอับทางสายตาเหมือนที่ดินหักมุม แต่ความยาวที่เท่ากันทุกด้านนั้น ก็ทำให้บ้านดูไม่น่าสนใจด้วยเช่นกัน

7." ที่ดินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าตามตำราฮวงจุ้ยเป็นที่ดินที่ดีที่สุด ผู้อยู่อาศัยจะดี ครอบครัวมีความสุข" เป็นลักษณะรูปทรงที่ดินที่วางผังบ้านได้ง่ายที่สุด และสามารถออกแบบให้มีพื้นที่เหลือ สำหรับสวนและปลูกต้นไม้ได้มากกว่าที่ดินลักษณะอื่นๆ (ในขนาดพื้นที่เท่ากัน) โดยเฉพาะที่ดินสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่อยู่ทางทิศขวางตะวันหรือมีด้านแคบหันไปทางทิศตะวันออก และตะวันตก เพราะจะช่วยให้เราสามารถออกแบบบ้านรับลมประจำถิ่น ที่พัดมาจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ได้เต็มที่

8."ใครปลูกบ้านบนที่ดิน รูปทรงสามเหลี่ยมนั้นไม่ดี จะเจ็บไข้ได้ป่วย เกิดอุบัติเหตุและมีปัญหาเรื่องชู้สาว" วิธีแก้คือแบ่งส่วนปลายสามเหลี่ยมออกมุมหนึ่ง จึงสามารถปลูกบ้านได้ แต่ที่ดินนั้นจะต้องมีขนาดใหญ่พอที่จะปลูกบ้านได้ด้วย" ที่ดินรูปสามเหลี่ยมหากมีขนาดเล็กมาก จะทำให้เราออกแบบบ้านได้ค่อนข้างลำบาก เพราะที่ดินลักษณะนี้จะมีมุมของรั้วบ้านซึ่งเป็นซอกไม่น่าดูถึง 2 มุมด้วยกัน ส่งผลให้เกิดความรู้สึกอึดอัดทางสายตา (ซึ่งเราอาจแก้ปัญหาด้วยการปลูกต้นไม้ เพื่อหลบเหลี่ยมมุมและปิดรั้ว) อีกทั้งพื้นฐานของรูปทรงบ้านและห้องภายในบ้านนั้นเป็นสี่เหลี่ยม เมื่อนำไปวางในพื้นที่สามเหลี่ยมจะทำให้เราเสียพื้นที่สำหรับสร้างบ้าน มากกว่าที่ดินที่เป็นรูปสี่เหลี่ยม

ขอบคุณข้อมูลที่มาจาก : http://www.kuasakul.com/

การดูแลบ้านของคุณให้น่าอยู่

การดูแลบ้านของคุณให้น่าอยู่

สวัสดีครับเพื่อนๆ ทุกคนที่รักบ้านทุกคน วันนี้ผมมีไอเดียข้อแนะนำสำหรับการดูแลบ้านของคุณเองให้น่าอยู่ง่ายๆ มาฝาก เพื่อน ๆนะครับ 
การดูแลบ้านของคุณให้น่าอยู่ 
1.ความปลอดภัยของบ้าน  เป็นเรื่องที่เราเองจะต้องคำนึงเป็นเรื่องแรกเลยนะครับสำหรับเรื่องของความปลอดภัย ทั้งเรื่องของตัวโครงสร้างบ้านเองเราจะต้องคำนึงอย่างมากถ้าจะให้ดีจะต้องมีการออกแบบสำหรับการใช้งานได้อย่างปลอดภัยจากวิศวกรหรือว่าผู้เชี่ยวชาญ และความปลอดภัยที่เราจะต้องคำนึงต่อมาคือ เรื่องของโครงสร้างภายในบานเราเองจะต้องวางเรื่องโครงสร้างภายในบ้านเหมือนกัน เช่น ไม่สมควรอย่างมากสำหรับการนำปลั๊กไฟไว้ใกล้กับนํ้า หรือเรื่องอื่นๆ อีก
2.สุขลักษณะ  เราจะต้องวางโครงสร้างของบ้านให้ถูกสุขลักษณะให้มาก  ๆนะครับ สามารถที่ระบายอาศได้อย่างดี เรื่องของความร้อนก็พยายามวางโครงสร้างให้เหมาะสมเช่นเดียวกัน
3.ความสะดวกของการใช้สอย  ควรที่จะสร้างห้องนํ้า ไว้ที่ห้องนอน และสร้างห้องครัวไว้ในมุมที่ระบายอากาศได้ดี และควรที่สร้างห้องพระไว้ที่สงบหรือว่าชั้นสองของบ้าน  การสร้างและวางโครงสร้างของบ้านควรเหมาะและง่ายแก่การใช้งาน
4.ความสบาย  บ้านควรที่จะอำนวยความสบาย ให้เราอย่างมากที่สุด เช่น การไม่ให้แดดส่องมากเกินไปในห้องนอน  ห้องครัวต้องมีที่ระบายอากาศไม่สะสมกลิ่น

เอาหละครับเพื่อน ๆลองปรับใช้กันดูนะครับ
ขอบคุณที่มา http://design-homeideas.com/

วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2556

อากาศบริสุทธิ์ในบ้าน 

ในปัจจุบันนี้สภาวะอากาศของโลกเราเปลี่ยนไป มลภาวะทำให้โลกร้อนมากและอากาศเสียก็มากขึ้น ส่วนเมืองไทยบ้านเราก็มีปัญหามลภาวะทางอากาศอยู่ในระดับสูง พวกเราก็เลยต้องหาเวลาไปสูดอากาศสดชื่นตามสถานที่พักผ่อนต่างๆ เช่น ไปเที่ยวป่าเขา ทะเล น้ำตก หรือถ้าใครไม่ว่างก็เปิดแอร์นอนอยู่บ้าน ก็คลายร้อนได้อีกวิธีนะค่ะ แต่ยังไงก็ระวังค่าไฟหน่อยนะค่ะ.... พูดถึงแอร์ หรือ เครื่องปรับอากาศ ก็จะต้องขอแนะนำให้เป็นข้อมูลสักเล็กน้อยนะค่ะ เครื่องปรับอากาศ ที่เรานิยมเรียกกันว่าเครื่องแอร์ ปัจจุบันมี 2 ประเภท คือ

แอร์คอนดิชั่นเนอร์ เป็นอุปกรณ์ที่สร้างความเย็นภายในห้องต่าง ๆ ในบ้าน ด้วยวิธีการลดอุณหภูมิและความชื้นออกไปจากอากาศในห้อง ซึ่งจะทำให้เรารู้สึกเย็นสบายตัวโดยไม่อึดอัด เนื่องจากความชื้นภายในห้องที่เป็นตัวการทำให้เรารู้สึกเหนอะหนะนั้นลดลง

ส่วนเครื่องทำให้อากาศเย็น (Air Cooler) หรือที่เราเรียกว่า แอร์น้ำ นั้น จะช่วยลดอุณหภูมิของอากาศ โดยมิได้ลดความชื้นลง โดยหลักการใช้พัดลมเป่าผ่านน้ำที่เย็น และให้ไอน้ำเป็นตัวดึงเอาความร้อนออกจากอากาศ ดังนั้น แม้ว่าเราจะรู้สึกว่าเย็น แต่บางช่วงที่อากาศมีความชื้นสูง เช่น ในฤดูฝน เราอาจจะยังไม่รู้สึกสบายตัว เพราะความสบายนั้นขึ้นกับอุณหภูมิและค่าความชื้นสัมพันธ์ในอากาศ

ดังนั้น ถ้าจะให้เปรียบเทียบว่าควรจะให้ติดเครื่องปรับอากาศชนิดใด คงต้องมาพิจารณากันอีกหลายด้าน ดังนี้

เครื่องแอร์ ค่าติดตั้งในขั้นแรกทั้งราคาเครื่องและอุปกรณ์จะสูงกว่าการใช้พัดลมธรรมดาและแอร์น้ำ แต่ให้ความเย็นสบายได้มากกว่า สามารถลดอุณหภูมิลงได้มากกว่าแอร์น้ำ ลดความชื้นลงได้มากกว่าอุปกรณ์ปรับอากาศชนิดอื่น ใช้ได้กับทุกห้องในบ้าน เช่น ห้องนอน และห้องพักผ่อน

ข้อเสียคือ กินกำลังไฟฟ้ามาก ต้องเสียค่าไฟฟ้ารายเดือนมากกว่าแอร์น้ำและพัดลม การบำรุงรักษายุ่งยากกว่า ต้องหมั่นถอดแผ่นกรองหรือฟิลเตอร์แอร์มาล้าง เพราะถ้าอุดตันจะทำให้แอร์ไม่เย็นเพราะไม่มีการหมุนเวียนของอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบสปลิตไทป์ (Split Type) และไม่ควรนำเฟอร์นิเจอร์ ไปตั้งบังทางดูดลมกลับของตู้แอร์

อีกอย่างหนึ่งก็คือ หากไม่ทำความสะอาดฟิลเตอร์บ่อย ๆ จะเป็นที่สะสมของฝุ่นละอองและเชื้อโรค ทำให้อากาศในห้องนอนไม่หมุนเวียน ไม่เป็นผลดีกับสุขภาพ

ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้หลายท่าน แพทย์มักจะแนะนำให้ติดเครื่องกรองอากาศด้วยหรือหาทางแง้มหน้าต่างเพื่อให้อากาศบริสุทธิ์ผ่านเข้ามาในห้องน้ำ 5-10% จะช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ไปได้ แต่ไม่ควรเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ทั้งบาน จะทำให้เครื่องแอร์ทำงานหนักและไม่เย็นอีกด้วย

ด้วยปัญหานี้เองจึงมีบางบริษัทคิดค้นผลิตเครื่องแอร์ที่รวมเอาเครื่องฟอกอากาศไว้ในตัวด้วย ซึ่งจะทำให้ลดปัญหาทางสุขภาพไปได้ แต่เครื่องปรับอากาศมีส่วนทำให้อุณหภูมิของอากาศภายนอกสูงขึ้น มีส่วนสร้างสมมลภาวะให้กับสภาพแวดล้อม

แอร์น้ำ เป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจสำหรับยุคแห่งการประหยัดไฟนี้ เนื่องจากกินกำลังไฟสามารถลดอุณหภูมิลงได้ 5-7 องศาเซลเซียส พัดลมจะเป่าผ่านน้ำโดยมีผ้าใยสังเคราะห์ซึ่งหมุนซับน้ำเย็นในถาดขึ้นมา ซึ่งจะช่วยกรองฝุ่นละอองและดูดซับกลิ่นภายในห้องไปด้วยเป็นการลดมลพิษไปในตัว

ใน ช่วงฤดูร้อนซึ่งอากาศร้อน แอร์น้ำสามารถบรรเทาความร้อนภายในห้องลงได้มากสำหรับผู้ที่ไม่อยากจ่ายค่า ไฟฟ้าครั้งละมาก ๆ ซึ่งเราอาจจะใช้ร่วมกับพัดลมธรรมดาเพื่อเป่าระบายความชื้นให้ระเหยออกไปได้ สำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ที่ต้องการความชื้น ช่วยในฤดูที่อากาศแห้ง เครื่องแอร์น้ำก็ดูจะเป็นทางออกที่ดีอย่างหนึ่ง ส่วนผู้ที่ต้องการอากาศแห้งอาจจะต้องเลือกใช้เครื่องแอร์คอนนิชั่นเนอร์ พร้อมเครื่องกรองอากาศ

เห็นไหมค่ะ แอร์ที่เราใช้ๆกันก็มีหลากหลายประเภท และก็ข้อดีข้อเสียต่างๆกันไป หวังว่าจะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ แก่ท่านสมาชิกนะค่ะ แต่อย่างไรก็ตาม เราก็สามารถมีวิธีสร้างอากาศบริสุทธิ์ง่ายๆและไม่สิ้นเปลืองเงินทองของท่านด้วย ก็คือ ช่วยกันปลูกต้นไม้และรักษาสภาพแวดล้อม เท่านี้ เราก็ได้อากาศบริสุทธิ์แล้วค่ะ

ที่มา http://www.prakard.com/

แมลง....ศัตรูในบ้าน และวิธีกำจัดแบบธรรมชาติ

แมลง....ศัตรูในบ้าน และวิธีกำจัดแบบธรรมชาติ 


หลายๆบ้านต้องเคยประสบปัญหา แมลงที่ไม่พึงประสงค์ เข้ามาอยู่ร่วมชายคาเรา ทั้งๆที่เราไม่ต้องการ ไม่เคยเชื้อเชิญ จะไล่ก็หน้าด้านหน้าทนไม่ยอมไป จะฆ่าก็กลัวบาป เพราะต้องไปหาซื้อยาฆ่าแมลงมากำจัด แถมยังกลัวว่าสารเคมีที่กำจัดพวกแมลงไม่พึงประสงค์ อาจจะตกค้างที่บ้านเราทำให้ผู้อยู่อาศัยอาจเป็นอันตรายอีก วันนี้เรามีทางออกที่ win-win ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งคุณ ทั้งแมลง ไม่มีใครตาย ไม่มีใครเจ็บอย่างแน่นอน ถ้าแมลงยินยอมแต่โดยดีค่ะ

มด สร้างความรำคาญให้เราต่อเมื่อเค้าเข้ามาเดินแถวในบ้านเรา จะเห็นตามผนังบ้าน หรือตามตู้กับข้าว จานอาหาร บางกลุ่มเป็นมดแดงที่มากัดเราปล่อยพิษอันน้อยนิดให้เราเจ็บๆคันๆชวนโมโห จึงควรชักจูงเหล่ามดออกจากบ้าน ก่อนที่เราจะใช้มาตรการที่รุนแรงขึ้น

มาตรการป้องกันมด

#
ไม่วางอาหารเชื้อเชิญ โดยไม่มีอะไรคลุม
#
กวาดเศษอาหารที่ตกพื้น โต๊ะ ทิ้งทันที อย่าปล่อยไว้
#
เตาอบ เตาไฟ ไมโครเวฟ เมื่อใช้เสร็จแล้ว กรุณาเช็ดคราบอาหารให้สะอาดทันที
#
ขยะสำหรับเศษอาหาร ควรเป็นถังสูงที่ยากแก่การป่ายปีนของมด หรือตั้งในตำแหน่งนอกบ้านได้ยิ่งดี
#
ลองตั้งกระถางสมุนไพรไว้ใกล้ๆจุดที่มดมักชุมนุมกันเป็นประจำ เช่น ตะไคร้ ใบมะกรูด สะระแหน่ หรือวางมัดสมุนไพรแห้งๆเหล่านี้ไว้ใกล้ๆจุดที่มีปัญหา
#
ทำแนวป้องกันม็อบมด ไม่ให้ข้ามผ่านเข้ามาโดย โรยพริกป่น พริกไทยดำ หรือเกลือ ให้เป็นเส้นยาวต่อเนื่อง หรือใช้ foggy ใส่น้ำ 2 ถ้วย ผสมน้ำยาล้างจาน 2 ML ฉีดพ่นตามเส้นทางเดินของมด เท่านี้มดก็จำกลิ่นไม่ได้ แตกแถวแตกกลุ่ม
#
ใช้น้ำมันกานพลู หรือน้ำมันยูคาลิปตัสเช็ดขอบหน้าต่างบ่อยๆ เพราะมดไม่ชอบกลิ่นแรงๆเหล่านี้ เมื่อได้กลิ่นก็จะหนีไป
#
ปิดรอยแตกในตู้เก็บของ ด้วยดินเบา หรือ ดินไดอะทอไมต์ (Diatomaceous earth) เพราะดินนี้มีซิลิกา ซึ่งมีฤทธิ์ทำให้แมลงที่คลานตามพื้นตายได้ แต่ไม่มีผลกับคนและ:)เลี้ยง ต้องเลือกชนิดที่ใช้กับอาหารนะคะ เพราะมีชนิดที่ใช้กับสระว่ายน้ำซึ่งจะทำให้ระคายปอด



เคล็ดลับยากันมด
ผสมแยมที่ทาขนมปังกับผงบอแรกซ์ ในจำนวนเท่าๆกัน ใส่ในฝาของขวดกระปุก หรือภาชนะแบนๆ ขนาดพอเหมาะ วางขวางทางเดินมด มดจะเข้าไปอยู่ข้างใน ให้เราพาออกไปนอกบ้านโดยดี

แมลงสาบ ไม่ใช่เพียงแค่สร้างความรำคาญ แต่ยังสร้างความน่ากลัวปนสยดสยองผสมกับแขยงให้กับใครหลายๆคนด้วย ยิ่งเวลามันบินแบบไร้ทิศทาง ซัดส่ายหัวเหลืองๆเหวี่ยงปีกไปมา หาสนามบินลงไม่ได้ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ผู้อยู่ในเหตุการณ์ต้องโกลาหลอลหม่านหนีเจ้าแมลงสาบจนวงแตกมาหลาย ครั้ง ไม่เพียงแต่รูปลักษณ์ที่ดูไม่จืด แมลงสาบยังมีกลิ่นที่เหม็นอย่างเหลืออดอันไม่พึงประสงค์อีกต่างหาก แมลงสาบตามบ้านเราที่มีหัวเหลืองๆตัวน้ำตาลเข้มนั้น เป็นถึงแมลงสาบอเมริกาเชียวนะ แม้มันจะได้ชื่อว่าเป็นสิ่งมีชีวิตยุคโบราณและอิมพอร์ตมาก็เถอะ เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากอยู่ร่วมชายคาเดียวกับมันอย่างแน่นอน

มาตรการป้องกันแมลงสาบ
#
ติดตั้งมุ้งลวดคุณภาพดี ตาถี่ และคงทน เพื่อป้องกันแมลงสาบชุดใหม่เข้าบ้านเรา ที่หน้าต่าง ประตู ทุกช่องเปิด
#
หากมีปัญหาเรื่องน้ำรั่ว น้ำซึมตามก๊อก ต้องแก้ทันที เพราะเจ้าแมลงสาบชอบที่ชื้นและมืดยิ่งนัก
#
เก็บอาหารให้เรียบร้อยมิดชิด แม้แต่อาหารของ:)เลี้ยง อาหารเม็ดของปลา หรือเมล็ดธัญพืชของนก
#
คุณแม่บ้านยุคประหยัด ที่ชอบทานผัก ครั้งนี้ไม่ต้องฝานหัวแตงกวาทิ้งอย่างเปล่าประโยชน์ เพราะเอาหัวแตงกวาที่ฝานแล้วนำมาใส่ในตู้เก็บของสามารถป้องกันแมลงสาบได้ หรืออื่นๆเช่น ใช้กานพลูกับเม็ดพริกไทย ใส่ถุงผ้าวางตามซอกตู้ก็ได้
#
เช็ดด้านในตู้เก็บของ ด้วยน้ำมันหอมไล่แมลง เช่น หัวน้ำมันหอมสะกัดจากต้นทีทรี สะระแหน่ หรือตะไคร้ ก็จะช่วยป้องกันแมลงสาบได้
#
ควบคุมแมลงสาบ โดยใช้สารเคมีพ่นกำจัด และยังรักษาสิ่งแวดล้อมได้ด้วย การใช้ปืนอัดไอร้อน ไล่แมลงสาบออกจากใต้ตู้เก็บของ และหลังตู้เย็น หรือลังรองเท้าเก่าๆ ซอกอับต่างๆ ใต้ตู้ในครัว และที่อื่นๆ วิธีนี้อาจจะโหดหน่อยแต่ได้ผลดี เพราะปืนอัดไอร้อนจะทำให้ปีกแมลงสาบไหม้และตายในที่สุด

เคล็ดลับจัดทัพแมลงสาบ
สำหรับบ้านที่มีม็อบแมลงสาบแล้ว กำลังจะหาทางขับไล่ออกไป ให้หากระปุกแก้ว ใบใหญ่หน่อยตามที่คุณคาดคะเนจำนวนของแมลงสาบที่อาศัยอยู่ แล้วเอาน้ำมันพืช หรือน้ำมันหมูละเลงด้านในกระปุกแก้ว รินเบียร์ใส่ไว้ครึ่งหนึ่ง ตั้งไว้ตามมุมอับ ที่คิดว่าเป็นบ้านของพวกมัน คราวนี้แมลงสาบก็จะหลงเข้าไปในกระปุกแก้วแต่ออกไม่ได้ เราก็เอาไปทิ้งนอกบ้านได้แล้ว

โปรดอ่านตอนต่อไป

สิ่งที่ควรรู้เมื่อต่อเติมบ้าน

การ ต่อเติมบ้านอยู่อาศัยกับคนไทย เป็นของคู่กันมาแต่ไหนแต่ไร เหตุเพราะชาวสยามเมืองยิ้มส่วนใหญ่ มีหัวคิดในเชิงสร้างสรรค์ติดตัว มาตั้งแต่อ้อนแต่ออกแทบทุกคน อีกประการพวกเราชาวขวานทอง นิยมชมชอบที่จะให้ลูกๆหลานๆพักรวมกันกับพ่อแม่ปู่ย่าตายาย อยู่ภายในบริเวณรั้วรอบเดียวกัน ส่งผลให้ต้องขยับขยายเนื้อที่บ้านเพิ่มขึ้นทุกระยะ ตามความเจริญเติบโตของสมาชิกในครอบครัว ว่ากันว่าหมู่บ้านจัดสรรที่เห็นผุดขึ้นที่โน่นที่นี่ไม่เว้นแต่ละวันนั้น ไม่ว่าจะตั้งอยู่ซอกมุมไหนของประไทย มีผู้คนช่างสังเกตเคยจัดทำสถิติเอาไว้ว่า จะมีการตกแต่งต่อเติมกว่า 300% แทบทุกโปรเจ็กต์ หรือจะว่าไปทุกๆหลังคาเรือนจะขยับขยายเนื่อที่เพิ่มอย่างน้อยๆสามครั้งสามค รา
ครั้งที่หนึ่ง "นับตั้งแต่วันแรกที่รับโอน จะทุบพื้นที่จอดรถ ขยายหลังคาเทพื้นใหม่ "
ครั้งที่สอง "เมื่ออยู่ไปได้ซักระยะปีสองปี จะทำการว่าจ้างผู้รับเหมาต่อเติมห้องครัวออกไปทางด้านข้างๆ หรือ ด้านหลัง"
ครั้งที่สาม " เมื่อบุตรหลานแต่งงานแต่งการพ่อแม่จะติดต่อสถาปนิกออกแบบห้องหอเพิ่มเป็นของขวัญ"
นี่ยังไม่นับรวมกรณีอยู่ๆไปหัวหน้าครอบครัว หรือคนเฒ่าคนแก่ แข้งขาอ่อนแรงเดินขึ้นบันไดไม่ไม่ไหว จำต้องใช้พื้นที่ว่างๆ บริเวณชั้นล่างของบ้าน ตกแต่งดัดแปลงสำหรับเป็นที่หลับที่นอนเพิ่มขึ้นอีกห้อง ว่าก็ว่าเถอะ การต่อเติมทั้งสามครั้งสามคราส่วนใหญ่มักจะผิดกฎเทศบัญญัติแทบทั้งนั้น และไม่มีใครห้ามใครในเรื่องนี้ได้หรอกนะ เพราะเข้าตำรา "ใช่เฉพาะเขาตัวเราก็เป็นเหมือนกัน" แม้คุณเองก็เหอะน่า เพียงทุกครั้งที่ทำการตกแต่งต่อเติมบ้าน โปรดคำนึงถึงกฎกติกามารยาทอย่างน้อยๆ 3 ประการ
หนึ่ง "ระเบียบเทศบัญญัติของรัฐ"
สอง "ธรรมนูญข้อบังคับของหมู่บ้าน และ หรือของคอนโดฯ ลอยฟ้า"
สาม " ความเดือดร้อนรำคาญของเพื่อนร่วมซอย"
อย่างแรกโปรดระลึกเสมอว่า "กฎระเบียบเทศบัญญัติ" กองควบคุมอาคารเขากำหนดเรื่องการก่อสร้างและต่อเติม ทั้งบ้านเดี่ยว ทั้งบ้านแถวหรือทาวน์เฮ้าส์เอาไว้หลายรายการ

กรณีบ้านเดี่ยวชั้นเดียวหรือสองถึงสามชั้นจะต้องเป็นไปตามหลักสำคัญ 5-6 ประเด็น ดังต่อไปนี้ "จะต้องเว้นที่ว่าง 30%"
" หน้าต่าง และริมระเบียง จะต้องห่างเขตที่ดินอย่างน้อยๆ 2 เมตร" ความสูงจะต้องไม่เกินสามชั้น และมีพื้นที่ไม่เกิน 300 ตารางเมตร"
" ต้องถอยร่นแนวจากศูนย์กลางถนนสาธารณะ 3 เมตร" "ต้องอยู่ห่างจากอาคารอื่นไม่น้อยกว่า 4 เมตร (กรณีสูงไม่เกิน 9 เมตร) และ 6 เมตร (กรณีมีความสูงเกิน 9 เมตรขึ้นไป)" "ความสูงต่อชั้น 2.60 เมตร"
สำหรับทาวน์เฮ้าส์และตึกแถวนั้น มีระเบียบกฎเกณฑ์ 6-7 ประเด็นเช่นกัน คือ
" ต้องมีที่ว่างด้านหลังอาคาร 2 เมตร ด้านหน้าอาคาร 3 เมตร และข้างอาคารทั้ง 2 ด้าน 2 เมตร" "จะต้องถอยร่นแนวอาคารจากศูนย์กลางสาธารณะ 6 เมตร"
" กรณีไม่ติดถนนสาธารณะต้องมีที่ว่างหน้าอาคารไม่น้อยกว่า 6 เมตร" "ก่อสร้างได้สูงไม่เกิน 3 ชั้น" มีความสูงต่อชั้น 2.60 เมตร"
" ความกว้างของห้องนอนไม่น้อยกว่า 2.50 เมตร หรือไม่น้อยกว่า 8 ตารางเมตร ยาวไม่เกิน 24 เมตร"
" ความกว้างของอาคารจะต้องไม่น้อยกว่า 4 เมตร และยาวไม่เกิน 24 เมตร และมีพื้นที่ชั้นล่างไม่น้อยกว่า 24 ตารางเมตร"
สำหรับการคำนึงถึงระเบียบอย่างที่สองคือ " ธรรมนูญข้อบังคับของหมู่บ้านและคอนโดฯ" ซึ่งถือเป็นกฎระเบียบการอยู่อาศัยร่วมกันนั้น มีหลากหลายโครงการใคร โครงการมัน ส่วนใหญ่สาระสำคัญในประเด็นหลักๆ มักจะคล้ายกัน ผมจะหยิบยกตัวอย่างของโครงการหนึ่งให้ดู เขากำหนดกฎกติกา เมื่อบ้านหลังใดทำการตกแต่งต่อเติมเอาไว้อย่างงี้ครับ
" ห้ามทำงานในวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์" "ห้ามทำงานก่อนเวลา 08.00 น. และหลังเวลา 17.00 น." "ห้ามคนงานพักอาศัยภายในบ้านที่มีการตกแต่งต่อเติม"
" ห้ามวางวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างและทำงานบริเวณถนนและทางเท้า" "ห้ามจอดรถบรรทุกวัสดุอุปกรณ์กีดขวางทางจราจร"
" ห้ามนำเศษวัสดุก่อสร้างก่อสร้างและขยะกองทิ้งหรือพักรอบริเวณถนนและทางเท้า"
" ห้ามตากเสื้อผ้าบนหรือนอกรั้วบ้าน"
" ห้ามคนงานผู้รับเหมานำสุนัขหรือ:)เลี้ยงที่ก่อความรำคาญมาเลี้ยงในหมู่บ้าน"และ "ห้ามคนงานของผู้รับเหมาดื่มสุราหรือของมึนเมาในบริเวณบ้านที่ตกแต่งต่อเติม"ฯลฯ
ส่วนประการที่สาม คือ "ความเดือดร้อนรำคาญของเพื่อนร่วมซอย" ทุกครั้งที่ว่าจ้างผู้รับเหมาต่อเติมบ้าน โปรดคำนึงและดูแลควบคุมในปัญหาหลักๆ 2-3 ประเด็นต่อไปนี้
เรื่องแรก คือ "เสียง" การทุบ เจาะและไสไม้อย่าให้ดังเกินควร กรุณาหามาตรการการป้องกัน ประเด็นที่สอง "ความสะอาด" ทั้งฝุ่นและเศษวัสดุก่อสร้างจะต้องหาหนทางกำจัดมิให้ลอยคละคลุ้ง และหรือปลิวว่อนไปสู่บ้านใกล้เรือนเคียง และเรื่องที่สาม คือ "ตำแหน่งที่ตั้งวางอุปกรณ์ปลูกสร้าง" ประเภทอิฐ หิน ปูน และทราย ถ้าเป็นไปได้ไม่ควรจะเทกองอยู่บนถนนหรือฟุตปาธทางเท้า เหมาะที่สุดต้องจัดเตรียมพื้นที่ส่วนใดส่วนหนึ่งในบริเวณรั้วบ้านของเราเองเป็นที่วางตั้ง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะถนนซอยส่วนใหญ่มักจะแคบๆ ขืนเอาวัสดุอุปกรณ์ไปกองไว้การนำรถราเข้าๆ ออกๆ ของเพื่อนบ้านจะไม่สะดวกเท่าที่ควร อีกอย่างอาจจะเป็นอันตรายต่อเด็กตัวเล็กๆ ที่กำลังอยู่ในวัยซุกซนอีกด้วย
เหอะ...แม้มาตรการป้องกันความเดือดร้อนรำคาญของเพื่อนร่วมซอย อันเนื่องมาจากการตกแต่งต่อเติมบ้านของเราไม่ได้มีบทบัญญัติเอาไว้อย่าง ชัดเจนทุกกรณี แต่ทางที่ถูกที่ควรก่อนตกลงมอบหมายให้ผู้รับเหมาลงมือดำเนินงาน ควรจะเดินไปเคาะประตูเพื่อนบ้านเพื่อบอกเล่าเก้าสิบให้รับรู้เสียก่อนจะ เหมาะที่สุด จะบอกให้...โดยอุปนิสัยชาวสยามเมืองยิ้มล้วนมีจิตใจโอบอ้อมอารีแทบทุกคน ยิ่งกรณีบอกกล่าวล่วงหน้าเอาไว้เสียตั้งแต่ยังไม่เกิดเรื่องราว หนักนิดเบาหน่อยอภัยกันได้อยู่แล้ว ในบางประเทศเขาถือเป็นเรื่องใหญ่มีกฎหมายควบคุมเข้มงวดกวดขันและเอาจริงเอา จัง อย่างเช่นออสเตรเลียอย่าว่าแต่เฉพาะตกแต่งต่อเติมบ้านเลย แม้ตัดต้นไม้ในบริเวณรั้วบ้านยังต้องขออนุญาตต่อเทศบาล และขอประชามติเห็นชอบจากเพื่อนร่วมซอยเสียก่อนจึงจะตัดโค่นได้สักต้น บอกเล่าเก้าสิบให้รู้กันอย่างงี้แล้ว ใครยังขืนต่อเติมบ้านผิดกฎหมาย และหรือก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้พักอาศัยข้างเคียงอยู่อีกล่ะก็ อาจจะถูกเพื่อนร่วมซอยฟ้องร้องดำเนินคดีเรียกค่าเสียหายเอานะจะบอกให้

ที่มา http://www.prakard.com/default.aspx?g=posts&t=259107

ไส้เดือนฝอยพิชิตปลวก

ไส้เดือนฝอยพิฆาตปลวก : บ้านจัดสรร

ปลวก ถือเป็นแมลง ซึ่งอยู่คู่โลกมาช้านาน จึงมีการปรับตัวเก่งพอดู ดังนั้นเรื่องสารเคมีกำจัดปลวกจึงใช้ไม่ค่อยได้ผลนั้น เพราะอาการดื้อยามาเยือน แต่วันนี้ เมืองไทยเรามีข่าวดี พร้อมของดีมาบอกค่ะ เคล็ดไม่ลับแต่ได้ผลชะงัดคราวนี้คือ "ไส้เดือนฝอย" พระเอกในการพิฆาตปลวก นั่นเอง ผลงานวิจัยของ ดร.นุชนารถ ตั้งจิตสมคิด สำนักงานวิจัยพัฒนาอารักขาพืช วิชาการเกษตร

ไส้เดือน ฝอย ไม่ใช่ไส้เดือนผอมตัวเล็กเท่าเส้นด้าย แต่เป็นไส้เดือนสีขาว ตัวเล็กจิ๋วมาก ขนาดว่ามองด้วยตาเปล่าไม่เห็นต้องส่องกล้องจุลทรรศน์จึงจะยลโฉมได้..ปานนั้น และก็เป็น:)ไม่ใช่สารเคมี ก็เลยปลอดภัยต่อคน :)เลี้ยงและสิ่งแวดล้อมยิ่งนัก เพราะเจ้าไส้เดือนฝอยนี้ไม่เป็น อันตรายต่อ:)เลือดอุ่น มันจะเป็นอันตรายมหันต์ต่อ:)เลือดเย็นไม่มีกระดูกสันหลัง จำพวกแมลงและหนอนเท่านั้น ที่สำคัญเมื่อใช้ไปแล้ว ปลวกไม่เกิดอาการดื้อยาแบบใช้สารเคมีทั่วไป

วิธีการ ก็คือ เอาไส้เดือนฝอยมาผสมน้ำ ฉีดพ่นไปบนตัวปลวก และเนื้อไม้ที่ปลวกกัดกิน คราวนี้ก็เสร็จเรา เพราะนิสัยเจ้าปลวกนั้น เวลาเดินไปไหน เจอหน้ากันก็จะเลียทักทายกัน เลียไปก็กินไส้เดือนฝอยเข้าไป เจ้าไส้เดือนฝอยเมื่อเข้าไปในท้องปลวก ก็จะออกลูกออกหลานทำให้ปลวกป่วยและตายอนาถในที่สุด เรื่องยังไม่จบเท่านั้น เพราะธรรมชาติปลวกจะมีนิสัยประหยัดแบบหารสองอยู่แล้ว ศพปลวกที่ตายแล้ว จะถูกพรรคพวกรุมกัดกินครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งจึงจะขนเอาไปทิ้ง ปลวกกินศพปลวก ก็เท่ากับบุฟเฟ่ต์ไส้เดือนฝอยเข้าไปด้วย เลยพากันตายอนาถแบบลูกโซ่ยกรังเกิดโศกนาฏกรรมปลวกขึ้นโดยใช้เวลาเพียง 24 ชม.หรือ 1 วันเท่านั้น เมื่อปลวกกินไส้เดือนฝอยเข้าไป 12 ชม.ก็เกิดอาการช็อก ผ่านไป 24 ชม.ก็จะตาย

เคล็ดเด็ดขาดในการใช้ไส้เดือนฝอย ต้องทำตอนกลางคืน เพราะพระเอกของเราแพ้แสงแดด อาจตายก่อนโชว์หากเจอแดด ขั้นแรกหารังปลวก หรือชุมชนปลวกให้เจอก่อน เมื่อเจอแล้วได้เวลาพอเหมาะก็เอาไส้เดือนฝอยพ่นน้ำฉีดลงไปให้ทั่วทั้งตัว ปลวก และไม้ที่กัดกิน หลังจากนั้นก็ปล่อยพระเอกเราจัดการ

ข้อ เสียของไส้เดือนฝอย เนื่องจากเป็นของธรรมชาติ จึงเก็บไว้ได้ไม่นาน เพียง 3 เดือนเท่านั้น แต่ยังดีที่การเก็บรักษาง่าย ไม่ต้องแช่ตูเย็น ระวังเพียงอย่าให้โดนแสงแดดเท่านั้น ทางที่ดีซื้อมาแล้วควรใช้ให้หมด

การกำจัดปลวกแบบถาวร เนื่องจากปลวกยังมีนางพญา ที่เกิดใหม่ปีละ 2 หน ปกติแล้วปลวกที่ทำลายข้าวของบ้านเรา 95% ทำรังใต้ดิน หลังจากสร้างรังเสร็จก็จะขึ้นมาหาอาหารบนดิน โดยการทำอุโมงค์เดินตรงไปยังแหล่งอาหาร ปลวกพันธุ์นี้สังเกตง่าย เมื่อกัดกินไม้ส่วนไหน ผิวไม้ภายนอกจะดูปกติ แต่เนื้อไม้จะกลวงยุ่ย ต่างกับปลวกไม้แห้ง ที่กัดกินแล้วจะมีขี้เป็นเม็ดเล็กๆออกมาจากรู จะกำจัดปลวกใต้ดินแบบถาวร ต้องสร้างกับดักล่อปลวก โดยการสร้างกับดักรอบๆบ้าน ขุดหลุมเล็กๆ ลึกเพียง 1 คืบ แล้วเอาเศษไม้ยาง ไม้สนใส่ลงในหลุม 1-2 ชิ้น จากนั้นก็หาอะไรมาปิดปากหลุมป้องกันแสงแดด ปลวกผู้อายแดดจะได้กินกันให้อิ่มหนำตายใจ ปล่อยเวลาผ่านไปประมาณเดือน/อาทิตย์ละครั้งมาเปิดดูเศษไม้ หากมีก็แปลว่ามีนางพญาปลวกมาสร้างรังแถวบ้านเรา ก็เอาไส้เดือนฝอยฉีดพ่นลงในหลุม ปิดฝาหลุม อ่อยเหยื่อให้ปลวกเจริญอาหารผสมเปิบไส้เดือนฝอย รอเวลาที่พระเอกเราจัดการปลวกต่อไป

ไส้เดือนฝอย ยังสามารถกำจัดแมลงสาบได้เช่นกัน แต่วิธีฉีดพ่นไม่ได้ผล ก็เลยต้องเอาไส้เดือนฝอยคลุกอาหารไปอ่อยแมลงสาบให้มาเปิบตอนกลางคืน เพราะนิสัยแมลงสาบเหมือนปลวกทั้งชอบเลียทักทาย และกินศพพวกเดียวกันเองเช่นกัน


ข้อมูลอ้างอิง : จาก"แม่ทองต่อ พ่อประหยัด" นสพ.ไทยรัฐ ฉบับเดือน ต.ค.46

บทความดีๆ เกี่ยวกับบ้าน

บ้านน๊อคดาวน์ หรือ บ้านสำเร็จรูป เป็นการสร้างบ้านโดยยึดหลักระบบโครงสร้างผนังรับน้ำหนัก (Wall Bearing System) กล่าวคือ บ้านสำเร็จรูป จะไม่มีเสาและคาน แต่จะใช้ผนังเป็นตัวรับน้ำหนักแทน โดยที่ ผนังและส่วนประกอบต่างๆ ภายในบ้านจะถูกออกแบบด้วยระบบคอมพิวเตอร์ แล้วนำชิ้นส่วนทั้งหมดมาประกอบกัน

การ สร้างบ้านสำเร็จรูป เป็นที่นิยมอย่างมากที่ประเทศญี่ปุ่น แถบยุโรป และประเทศที่มักเกิดเหตุแผ่นดินไหวบ่อยๆ หรือประสบภัยธรรมชาติบ่อยครั้ง เนื่องจากการสร้าง บ้านสำเร็จรูป ใช้เวลาก่อสร้างเร็ว ราคาถูกกว่า ความแข็งแรงทนทานทัดเทียมกับการสร้างบ้านแบบก่ออิฐฉาบปูน

ส่วนใน ประเทศไทยนั้นมีการสร้าง บ้านสำเร็จรูป ทั้งแบบเพื่ออาศัยจริง และที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักชั่วคราวให้กับผู้ที่ประสบภัย เช่น น้ำท่วม โคลนถล่ม ฯลฯ

วิธีสร้างบ้านสำเร็จรูป


สำหรับ วิธีการสร้าง บ้านสำเร็จรูป จะเริ่มต้นจากการตอกเสาเข็ม ทำฐานรากและคานคอดิน เหมือนกับการก่อสร้างบ้านแบบก่ออิฐฉาบปูน จากนั้นจึงเริ่มนำแผ่นพื้นและผนังสำเร็จรูปเข้ามาประกอบตามที่ได้ออกแบบไว้ โดยชิ้นส่วนต่างๆ จะได้รับการเชื่อมประสานตามเทคนิควิธีของแต่ละระบบ ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้าง บ้านสำเร็จรูป เพราะการเชื่อมต่อจะต้องมีมั่นคง กันน้ำรั่วซึม และสามารถรับแรงด้านข้างได้

อย่าง ไรก็ดี แผ่นผนัง บ้านสำเร็จรูป จะผลิตด้วยวิธีใดนั้นขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีของผู้ผลิตหรือผู้ก่อสร้างแต่ละ ราย เช่น ผนังคอนกรีตเสริมเหล็ก สำเร็จรูป, ผนังคอนกรีตเสริมเหล็ก แบบแซนวิช (ผนัง 2 แผ่น เว้นช่องไว้สำหรับเทคอนกรีตเชื่อม) เป็นต้น การเชื่อมต่อ (Connection) ของแต่ละชิ้นส่วนที่นำมาประกอบก็แตกต่างกันไป เช่น บางระบบเชื่อมต่อด้วย น็อต, คอนกรีต หรือแผ่นคอนกรีตเสริมเหล็กแบบเข้าลิ้น หรือมีระบบล็อคในตัว เป็นต้น

ข้อดีของบ้านสำเร็จรูป


ข้อ แตกต่างที่เด่นชัดของการสร้าง บ้านสำเร็จรูป คือมีความรวดเร็ว หากเทียบกับการสร้างบ้านระบบเดิม การสร้างบ้าน 1 หลัง อาจต้องใช้เวลา 5-6 เดือน แต่การก่อสร้าง บ้านสำเร็จรูป 1 หลัง ใช้เวลาก่อสร้างเพียง 2 เดือนเศษ (รวมระยะเวลาในการหล่อแบบ) ก็เสร็จพร้อมเข้าอยู่ อีกทั้งขณะการก่อสร้าง บ้านน๊อคดาวน์ จะไม่มีขยะจากการก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นไม้แบบ เศษอิฐ หิน ดิน ทราย เพราะเศษสิ่งเหล่านี้ถูกกำจัดไปเรียบร้อยตั้งแต่โรงงานผลิตชิ้นส่วน รวมถึงมลภาวะทางเสียง และฝุ่นผงที่เกิดจากการก่อสร้างก็ลดน้อยลง

และ ด้วยความที่ลักษณะพื้นผิวบ้านสำเร็จรูป เป็นวัสดุสำเร็จรูป จึงมีความเนียนเรียบ เมื่อประกอบเสร็จก็สามารถทาสีทับได้ทันที ส่วนในการวางระบบต่างๆ ของ บ้านน๊อคดาวน์ ทั้งไฟฟ้า ประปา สุขาภิบาล จะมีการวางท่อวางระบบไว้ในช่องผนังและพื้นสำเร็จรูปอยู่แล้ว เหล่านี้คือปัจจัยที่ทำให้การก่อสร้างบ้านสำเร็จรูปมีความสะดวกรวดเร็ว

ข้อจำกัดของบ้านสำเร็จรูป

แม้ จะมีข้อดีมากมาย แต่การสร้าง บ้านสำเร็จรูป ก็มีข้อด้อยในเรื่องของโครงสร้างที่ค่อนข้างหนัก เนื่องจากแผ่นพื้น-ผนังสำเร็จรูปที่เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก มีน้ำหนักมาก จึงจำเป็นต้องใช้เสาเข็มที่ยาวกว่าการสร้างบ้านแบบเดิม เพื่อป้องกันปัญหาบ้านทรุดในภายหลัง นอกจากนี้ การตกแต่งบ้านเล็กๆ น้อยๆ อย่างการตอกตะปู ก็ทำได้ยากเช่นเดียวกัน

ในขณะเดียวกัน หากคิดอยากจะปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นภายใน บ้านสำเร็จรูป เช่น ทุบห้อง 2 ห้องติดกันให้กลายเป็นห้องใหญ่ห้องเดียว หรือคิดจะทุบ เจาะ รื้อผนัง จำเป็นต้องปรึกษาวิศวกรที่มีความรู้ และแบบแปลนบ้านหรือพิมพ์เขียวที่ใช้ในการก่อสร้างก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งผู้ซื้อ บ้านสำเร็จรูป จะต้องขอรับจากเจ้าของโครงการ เพื่อใช้เป็นคู่มือในการปรับปรุงซ่อมแซมบ้านสำเร็จรูป ในอนาคต

ที่มา : kapook.com